วัดต้นสาร เดิมมีเนื้อที่เนื้อทั้งหมดที่ ๖ ไร่ ๙ ตารางวา (ปัจจุบัน ๓ ไร่ ๒ งาน ๕๐ ตารางวา) โฉนดที่ดินเลขที่ ๖๒๒๙๘

     วัดต้นสาร เดิมก่อนนั้นเป็นวัดร้าง ไม่มีหลักฐานว่าสร้างเมื่อไหร่ เริ่มแรกนั้นศรัทธาสาธุชนในสมัยก่อน ได้เดินทางไปทำบุญวัดสันต้นเปา(วัดบ้านเหนือ) ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ก่อนเดิม ครั้นต่อมาบ้านสันนอกแห่งนี้ได้มีประชาชนมาอาศัยจำนวนมากขึ้น เห็นสมควรที่จะสร้างวัดประจำหมู่บ้านขึ้น

     ซึ่งก่อนหน้านี้วัดต้นสารเคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน โดยมีพ่ออุ๊ยหนานถา สุพรรณ เป็นปฐมเจ้าอาวาสวัดต้นสารรูปแรก ในยุดที่ ๑ และมีพ่ออุ๊ยน้อยสิงห์แก้ว บรรจง เป็นสามเณร หลังจากที่ท่านทั้งสองลาสิกขาออกมา ต้นสารก็ไม่มีพระสงฆ์-สามเณรมาอยู่จำพรรษา และได้เป็นวัดร้างมาอยู่ ๗๐ กว่าปี ในยุดที่ ๒ ของการบุกเบิกฟื้นฟูยุคที่ ๒ มีการพัฒนาพื้นที่รกร้างเก่า (คือวัดต้นสารร้างในสมัยนั้น)

     คณะศรัทธาบ้านสันนอกได้อาราธนาพระสิงห์คำ จิตฺตกาโร (สมณศักดิ์พระครูสิงห์คำ จิตฺตกาโร) จากวัดร้องขี้เหล็ก อ.ดอยสะเก็ด มาจำพรรษาที่วัดต้นสาร(วัดบ้านใต้) พ่ออุ๊ยหม่อนใจ๋ แม่อุ๊ยหม่อนสม กองบุญ (อันเป็นพ่ออุ๊ยหม่อนแม่อุ๊ยหม่อนของพระครูโสภณจริยาภิรัต เจ้าอาวาสวัดสันต้นเปา เจ้าคณะตำบลสันป่าเปา รูปปัจจุบัน) พ่ออุ๊ยหม่อนน้อยใหม่ แม่อุ๊ยหม่อนเหรียญ ชัยเลิศ พ่ออุ๊ยหม่อนชื่น แม่อุ๊ยหม่อนดี งามศรีได้พร้อมใจกันพัฒนาวัดตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๙

     พ.ศ. ๒๔๙๙ - พ.ศ. ๒๕๑๕ พระสิงห์คำ จิตฺตกาโร พร้อมด้วยคณะศรัทธาพัฒนาวัดต้นสารได้ ๑๖ ปี กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศยกวัดร้าง ให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์ ประกาศเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยมีนายบุญถิ่น อัตถากร ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พันเอก ปิ่น มุทุกันต์ อธิบดีกรมการศาสนา เป็นผู้ลงนาม